หญ้าชนิดต่างๆ สำหรับหนูแกสบี้

ประโยชน์ของหญ้าแต่ละชนิด

1. หญ้าขน 

ประโยชน์

1.  มีไฟเบอร์สูง
2.  มีวิตามินซี

ข้อแตกต่างระหว่างหญ้าขนสดกับหญ้าขนแห้ง

1.  หญ้าขนสดจะมีวิตามินซีมากกว่าหญ้าขนแห้ง เนื่องจากวิตามินซีจะหายไปจากการตากแห้ง
2.  หญ้าขนสดไม่เหมาะกับแกสบี้ท้องเสีย
3.  หญ้าขนแห้งต้องระวังเรื่องเชื้อรานะค่ะ เพราะถ้าหากตากไม่สนิท แล้วใส่ถุงนานๆจะเกิดเชื้อราได้ค่ะ
4.  หญ้าสดขนมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งมีประโยชน์คือช่วยย่อยอาหาร

2. หญ้าแพงโกล่า 

ประโยชน์

1.  ช่วยป้องกันเรื่องก้อนขน
2.  ช่วยรักษาโรคฟันยาว
3.  ช่วยระบบย่อยอาหาร
4.   มีไฟเบอร์สูง

3.  หญ้าอัลฟาฟ่า 

ประโยชน์

1.  แคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก เพราะมีแคลเซียมสูง
2.  โปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สำหรับอัลฟาฟ่าจะมีโปรตีนสูงกว่าหญ้าทุกชนิด
3.  ไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่าย
4.  วิตามินเอช่วยรักษาสายตา
5.  เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแตสเซียม คลอรีน ซิลิคอน แมกนีเซียม ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
6.  วิตามินบี คอมแพลกซ์ อิโนซินอลช่วยบำรุงขน
7.  โฟลิคแอซิคและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อยอีกหลายชนิด
8.  มีคลอโรฟิลล์สูง เมื่อรวมกับวิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสมในอัลฟาฟ่า จะทำหน้าที่กำจัดของเสีย ออกจากเลือดและอวัยวะภายใน
9.  ยังมีสาร ไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนในร่างกาย

4. หญ้าทิมโมธี 

ประโยชน์

1.  คล้ายกับอัลฟาฟ่า แต่แคลเซียมน้อยกว่า
2.  ช่วยในการย่อยอาหาร
3.  ไฟเบอร์ช่วยในหารขับถ่าย
4.   มีโปรตีนในปริมาณต่ำ

5. หญ้าโอ๊ต 

หญ้าแห้งจากข้าวโอ๊ต เป็นหญ้าที่มีความกรอบ เส้นหญ้าจะใหญ่กว่าหญ้าชนิดอื่น มีกลิ่นหอมของพืชตระกูลถั่ว ลักษณะเด่นคือช่วยขัดฟันช่วยการสึกของฟันตามธรรมชาติได้ดีมาก ไฟเบอร์สูง โปรตีนต่ำ สามารถนำไปผสมกับหญ้าชนิดอื่นเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของพืชตระกูลถั่วให้กับมื้ออาหารได้ เส้นใยของหญ้าช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ดี ช่วยลดปัญหาการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารในสัตว์กินพืช เช่น ท้องอืด ท้องเสียได้ ในห่อเป็นหญ้าโอ๊ต 100% ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารแต่งกลิ่นใดๆ เหมาะกับสัตว์กินพืชทุกชนิด ทั้งกระต่าย แกสบี้ ชินชิล่า แพรี่ด็อก หนูชนิดต่างๆ เต่าบก

6. หญ้าออชาร์ด 

หญ้าจากสวนผลไม้ เป็นหญ้าที่มีความอ่อนนุ่มและมีรสหวานกว่าหญ้าชนิดอื่น แต่ยังคงมีไฟเบอร์สูง โปรตีนต่ำ มีเส้นใยขนาดยาวช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ดี ช่วยลดปัญหาการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารในสัตว์กินพืช เช่น ท้องอืด ท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการสึกของฟันตามธรรมชาติในสัตว์พวกกระต่าย สามารถนำหญ้าออชาร์ดไปผสมรวมกับหญ้าชนิดอื่นเพื่อเพิ่มความหอมหวานให้กับมื้ออาหารได้ ในห่อเป็นหญ้าออชาร์ด 100% ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารแต่งกลิ่นใดๆ เหมาะกับสัตว์กินพืชทุกชนิด ทั้งกระต่าย แกสบี้ ชินชิล่า แพรี่ด็อก หนูชนิดต่างๆ เต่าบก

7. หญ้าเมียวโด 

หญ้าเมโดว์ออแกนิคคือหญ้าแห้งที่ได้รับการรับรองเป็นออแกนิค 100%ซึ่งเกิดจาก การปลูกที่ปราศจากสารเคมี มีระดับของเยื่อใยอาหารสูงซึ่งเป็นประโยชน์กับสัตว์เลี้ยง และปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อม หญ้าออแกรนิคยังช่วยล่อใจ เช่น ผิวเนื้อหญ้า กลนิ่และ รสชาติ ให้โภชนาการที่ดีและให้ความอร่อย มีกากใยสูงและโปรตีนต่ าช่วยให้ระบบทางเดินอาหารของสัตว์ขนาดเล็กท างานได้ดีอย่าง เหมาะสม

8. หญ้าโบทานิคอล

หญ้าแห้งจากสวนพฤกษศาสตร์ มีกลิ่นหอมของสมุนไพรหลากหลายชนิด ช่วยผ่อนคลายและทำให้มื้ออาหารไม่น่าเบื่อ เป็นการนำหญ้าทิโมธีมารวมกับสมุนไพรหลายชนิดได้แก่ คาร์โมไมล์ ลาเวนเดอร์ เลมอนบาล์ม โคลเวอร์ มีไฟเบอร์สูง โปรตีนต่ำ สามารถนำไปผสมกับหญ้าชนิดอื่นเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้กับมื้ออาหารได้ เส้นใยของหญ้าช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ดี ช่วยลดปัญหาการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารในสัตว์กินพืช เช่น ท้องอืด ท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการสึกของฟันตามธรรมชาติในสัตว์พวกกระต่าย ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารแต่งกลิ่นใดๆ เหมาะกับสัตว์กินพืชทุกชนิด ทั้งกระต่าย แกสบี้ ชินชิล่า แพรี่ด็อก หนูชนิดต่างๆ เต่าบก

9. หญ้าเมาเท่น 

หญ้าภูเขา อุดมไปด้วยไฟเบอร์สายยาวสูง ซึ่งดีต่อระบบการย่อยของสัตว์ฟันแทะด้วยใบที่ละเอียด จึงช่วยขัดฟันได้อย่างดีเยี่ยม

* หญ้าแต่ละชนิดมีประโยชน์ต่างกัน เราควรให้สลับกันไปเพื่อให้เค้าได้สารอาหารที่หลากหลายและ เค้าจะได้ไม่เบื่อ

อาหารสำหรับหนูแกสบี้

หญ้า

หนูแกสบี้ต้องการอาหารที่เป็นเส้นใย โดยเฉพาะหญ้า เพื่อช่วยในการย่อย หญ้าที่แนะนำให้ใช้ เพราะหาง่ายในประเทศไทย คือ หญ้าขน เค้าจะชอบมาก และ ทางที่ดีควรจะเอาหญ้าที่สด แขวนไว้ที่ด้านข้างของกรง เพราะถ้าปล่อยไว้ที่พื้นเพราะจะเปื้อนปัสสาวะของหนูแกสบี้ ควรจะให้มากเท่าที่เค้าจะกินหมด

หญ้าอื่นๆ
 หญ้าอัลฟาฟ่า (Alfalfa) จะดีที่สุดเพราะมี แคลเซี่ยมสูงมาก แต่ว่าอาจจะทำให้แกสบี้เป็นนิ่วได้                 ดังนั้นไม่ควรให้บ่อย หรือ อาจจะผสมกับหญ้าทั่วไปก็ได้
 หญ้าทิมโมธี ( Timothy) เหมาะสำหรับให้หนูอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สามารถให้ติดกรงได้ทุกวัน
 หญ้าแพงโกล่า ( Pangola) หาง่ายในท้องถิ่นแต่สารอาหารยังไม่เยอะเท่ากับหญ้าอัลฟาฟ่า และ               หญ้าทิมโมธี

ผักและผลไม้

นอกจากหญ้า และอาหารเม็ดแล้ว ควรจะให้ผักสดและผลไม้บ้างทุกวัน เช่น ผักสลัด ใบบัวบก หรือ แครอทเล็กน้อยก็ได้ โดยอาจจะหั่นเป็นชิ้นเล็ก แต่ควรจะล้างผักก่อนและไม่ควรให้ผักสดมากเกินไป เพราะจะทำให้เค้าท้องเสียได้ และไม่ควรให้ผักที่ขึ้นรา หรือเน่า


อาหารเม็ด

อาหารเม็ดเป็นอาหารเสริมสำหรับ หนูแกสบี้เค้าเลยล่ะ แต่รู้ไหมว่าวิตามินซีจะเสื่อมสภาพ ไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในอาหารสัตว์ที่บรรจุถุง ส่วนใหญ่จะไม่มีวิตามินซี หรือมีในปริมานไม่เพียงพอในแต่ละวัน จึงควรให้วิตามินซีเสริม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีถั่วและเมล็ด ทานตะวัน เพราะมีไขมันมาก และอาจจะติดคอเค้าได้ ให้ใส่อาหารในภาชนะที่หนักพอ และมีฐานกว้าง เพื่อป้องกันไม่ให้หนูแกสบี้เอียง หรือ คว่ำถาดอาหารได้ และไม่ควรใช้ถาดอาหารที่ใหญ่เกินไป เพราะหนูแกสบี้ โดยเฉพาะลูกหนูจะขึ้นไปนั่งบนถาด อาหาร

ขนและสีของหนูแกสบี้

หนูแกสบี้ในแต่ละสายพันธุ์ ยังสามารถจำแนกตามลักษณะของขนได้ดังนี้

• หนูแกสบี้ขนธรรมดา (Regular)
  ลักษณะของขนเหมือนกับขนสัตว์ทั่วไป
• หนูแกสบี้ขนแบบเส้นไหม (Satin)
  ลักษณะของขนอ่อนนุ่มเป็นเส้นเงา แวววาว คล้ายเส้นไหม

การแบ่งสี และลวดลายของหนูแกสบี้ (Cavy / Guinea pig)

• SELF
  สีปลอดทั้งตัวไม่มีลวดลาย เช่น Golden, White, Creme, Black, Lilac, Red เป็นต้น
• AGOUTI
  ในเส้นขนหนึ่งเส้นมีสีมากกว่า 1 สี มีชื่อเรียกต่างกันออกไป เช่น Lemon, Silver เป็นต้น
• TORTOISE SHELL
  มีสีดำกับสีน้ำตาลขึ้นสลับกัน
• TORTOISE SHELL & WHITE
  มีสีดำ น้ำตาลแดง และสีขาวขึ้นสลับกัน
• ROAN มีขนสองสีขึ้นไปขึ้นสลับกัน เช่น
  o BRINDLE ขนสีน้ำตาลแดงสลับกับสีดำ
  o STRAWBERRY ROAN ขนสีน้ำตาลสลับกับสีขาว
  o BLUE ROAN ขนสีดำสลับกับขาว
  o TRICOLOR ROAN ขนสีดำ ขาว และน้ำตาลสลับกัน
• HIMALAYAN
  มีสีขาวทั้งตัว แต่ปลายจมูก และเท้าเป็นแต้มสีเข้ม
• DALMATIAN
  มีสีขาวทั้งตัวและมีแต้มเป็นจุดสีเข้มคล้ายสุนัข Dalmatian

ซึ่งหนูแกสบี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ คงจะหนีไม่พ้นหนูแกสบี้สายพันธุ์คนสั้น อย่างพวก American Short hair ซึ่งมีหลายสีหลายลวดลาย ให้เลือกเลี้ยงกันตามความพอใจ ยังไม่รวมถึงขนที่มีหลากหลายแบบ ทั้งขนวาววับประดุจเส้นไหมอย่างพวกขนซาติน (Satin) หรือจะเป็นพวกสียอดนิยมอย่างสีขาว สีครีม สีซิลเวอร์อกูติ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาตลอด

หนูแกสบี้ คืออะไร

หนูแกสบี้ (Cavy / Guinea pig) ถูกพบเป็นครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น เจ้าหนูแกสบี้ถูกนำมาทำเป็นอาหารของพวกชนเผ่า Andean ของอเมริกาใต้ ซึ่งมีหลักฐานการขุดพบรูปปั้นหนูแกสบี้ ที่มีอายุระหว่าง 500 BC – 500 AD โดยได้ถูกขุดพบที่ประเทศเปรูและเอกวาดอ จากการศึกษาพบว่าพวก Moche ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวเปรูนั้นบูชาสัตว์ และบ่อยครั้งก็มีรูปวาดของหนูแกสบี้ปรากฏอยู่ด้วย

ชาว Andean หลายครอบครัวก็เลี้ยงหนูแกสบี้ โดยให้เศษผักเป็นอาหาร ซึ่งในสมัยนั้นมีประเพณีที่เกี่ยวกับ “หนูแกสบี้” เป็นจำนวนมาก โดยในอดีตนั้นมีการแลกเปลี่ยนหนูแกสบี้กันเป็นของขวัญ ใช้เฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ ใช้ในการอุปมาต่างๆ ใช้ในพิธีกรรมการรักษาโรคของหมอพื้นเมือง หรือพวกหมอผีที่ใช้สัตว์ในการวินิจฉัยโรค เช่น ดีซ่าน รูมาทิซึม ข้ออักเสบ ไทฟัส เป็นต้น โดยใช้ถูบนร่างกายของผู้ป่วย และในอดีตหนูแกสบี้สีดำถูกเลือกใช้เป็นตัววินิจฉัยโรค โดยมันจะถูกผ่าและใช้เครื่องในทำการทดสอบเพื่อตัดสินโรค 

ต่อมาพ่อค้าชาวสเปน ดัตช์ และอังกฤษได้นำหนูแกสบี้ เข้าสู่ยุโรป และจากนั้นหนูแกสบี้ก็ได้กลายเป็นสัตว์แปลก ที่นิยมเลี้ยงในชนชั้นสูง รวมถึง Queen Elizabeth 1 มีภาพของหนูแกสบี้ปรากฎอยู่ในงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์National Portrait Gallery ซึ่งวาดขึ้นในปี 1580 ในรูปเป็นหญิงสาวสวมชุดสมัยเอลิซาเบทอุ้มหนูแกสบี้ (Cavy / Guinea pig) และมีน้องชายยืนอยู่ข้างๆ 2 คนที่อุ้มนกอยู่

หนูแกสบี้ เป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่เข้ามาในเมืองไทยเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยในต่างประเทศนั้นแกสบี้ถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามตั้งแต่ปี 1500  คือเมื่อ 500 ปี่ที่ผ่านมา และในเวลาต่อมาเจ้าหนูแกสบี้ก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นสัตว์เลี้ยงแฟนซีที่ได้รับความนิยมมาก และยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน

สำหรับชื่อเรียกของแกสบี้ คือ Guinea Pigs ในต่างประเทศก็มักมีชื่อเรียกในแต่ละประเทศ ซึ่งในประเทศไทยชื่อที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ “แกสบี้” หรือ “หนูแกสบี้” ไม่ว่าจะเป็นวงการสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์ และคนทั่วไป ถ้าบอกว่า แกสบี้ ก็จะเป็นที่เข้าใจตรงกัน แต่สำหรับประเทศต่างๆ มีชื่อเรียกที่ต่างกันออกไป ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า “Moru-Motto” ประเทศสวีเดน เรียกว่า “Marsvin” ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า “Costa” เป็นต้น เช่นเดียวกับชื่อว่า “แกสบี้” ในประเทศไทยก็จัดว่าเป็น “Local Name” ที่เข้าใจตรงกันทุกวงการ

หนูแกสบี้พันธุ์ขนสั้น

• ENGLISH SHORT HAIR , AMERICAN SHORT HAIR
  จะมีขนสั้นและเรียบตั้งแต่ปลายจมูกจนถึงท้ายลำตัว มีหลายสี
• TEDDY BEAR (เท็ดดี้แบร์)
  ลักษณะเด่นจะอยู่ที่ขนจะสั้น และหยิกทั่วทั้งลำตัว ที่พัฒนาสายพันธุ์ในอเมริกา
• REX (เร็กซ์)
  เป็นพันธุ์ขนสั้นหยิกที่พัฒนาสายพันธุ์ในยุโรปถ้ามองจากลักษณะภายนอกจะแยกไม่ออกระหว่าง REX กับ TEDDY BEAR เพราะลักษณะภายนอกเหมือนกัน แต่การพัฒนาลักษณะขนหยิกของทั้งสองสายพันธุ์เกิดจากยีนส์ที่ต่างกัน
• ENGLISH CRESTED (อิงลิช เครส)
  ลักษณะคล้ายกับ ENGLISH SHORT HAIR และมีลักษณะพิเศษคือมีขวัญอยู่ที่บริเวณหน้าผาก
• AMERICAN CRESTED (อเมริกัน เครส)
  ลักษณะคล้ายกับ ENGLISH CRESTED แต่มีขวัญที่บริเวณหน้าผากเป็นสีขาว หรือบางครั้งมีคนเรียกว่า WHITE CRESTED
• ABYSSINIAN เป็นสายพันธุ์ที่มีขนยาวปานกลาง และมีขวัญ 10 ขวัญ ข้างซ้าย 2 ขวัญ ข้างขวา 2 ขวัญ หลัง 6 ขวัญ และขวัญทั้ง 10 จะเรียงตัวเป็นแนวตารางหมากฮอต และตำแหน่งขวัญจะอยูครึ่งหลังลงไป
• Hippo เป็นพันธ์ ไร้ขน มีหนวด 
  

หนูแกสบี้พันธุ์ขนยาว

หนูแกสบี้ สายพันธุ์ขนยาว ::

• PERUVIAN (พีรูเวียน) ขนจะเหยียดตรงแนวของขนจะย้อนจากท้ายลำตัวขึ้นมาทางศรีษะซึ่งเกิดจากขวัญที่ส่วนท้ายของลำตัว 2 ขวัญ PERUVIAN เป็นหนูสายพันธุ์ขนยาวที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกๆ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เลี้ยง
• SILKY (ชิลกี้)
  มีทิศทางของขนเป็นปกติยาวเหยียดตรงเริ่มจากศรีษะจนถึงท้ายลำตัวและไม่มีขวัญ
• CORONET (โคโรเนต)
  ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนกับ SILKY โดยมีลักษณะพิเศษที่มีขวัญอยู่บริเวณหน้าผาก 1 ขวัญ เป็นสายพันธุ์ที่มีผู้เลี้ยงนิยมมากในปัจจุบันและเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้ชิดกับพันธุ์ SILKY
• TEXEL (เท็กเซล)
  เป็นหนูสายพันธุ์ขนยาวที่มีลักษณะพิเศษตรงที่มีขนหยิกเป็นลอนเมื่อโตเต็มที่จะมีรูปหน้าที่กลมใหญ่
• MARINO (มาริโน่)
  เป็นสายพันธุ์ที่ลักษณะคล้ายกับ CORONET และมีขนหยิกเป็นลอน
• ALPACA (อัลปาก้า)
  ลักษณะโดยทั้วไปขนจะหยิกเหมือน TEXEL แต่ขนจะย้อนไปทางด้านศรีษะเหมือนกับ PERUVIAN เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก