หนูแกสบี้ (Cavy / Guinea pig) ถูกพบเป็นครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น เจ้าหนูแกสบี้ถูกนำมาทำเป็นอาหารของพวกชนเผ่า Andean ของอเมริกาใต้ ซึ่งมีหลักฐานการขุดพบรูปปั้นหนูแกสบี้ ที่มีอายุระหว่าง 500 BC – 500 AD โดยได้ถูกขุดพบที่ประเทศเปรูและเอกวาดอ จากการศึกษาพบว่าพวก Moche ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวเปรูนั้นบูชาสัตว์ และบ่อยครั้งก็มีรูปวาดของหนูแกสบี้ปรากฏอยู่ด้วย
ชาว Andean หลายครอบครัวก็เลี้ยงหนูแกสบี้ โดยให้เศษผักเป็นอาหาร ซึ่งในสมัยนั้นมีประเพณีที่เกี่ยวกับ “หนูแกสบี้” เป็นจำนวนมาก โดยในอดีตนั้นมีการแลกเปลี่ยนหนูแกสบี้กันเป็นของขวัญ ใช้เฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ ใช้ในการอุปมาต่างๆ ใช้ในพิธีกรรมการรักษาโรคของหมอพื้นเมือง หรือพวกหมอผีที่ใช้สัตว์ในการวินิจฉัยโรค เช่น ดีซ่าน รูมาทิซึม ข้ออักเสบ ไทฟัส เป็นต้น โดยใช้ถูบนร่างกายของผู้ป่วย และในอดีตหนูแกสบี้สีดำถูกเลือกใช้เป็นตัววินิจฉัยโรค โดยมันจะถูกผ่าและใช้เครื่องในทำการทดสอบเพื่อตัดสินโรค
ต่อมาพ่อค้าชาวสเปน ดัตช์ และอังกฤษได้นำหนูแกสบี้ เข้าสู่ยุโรป และจากนั้นหนูแกสบี้ก็ได้กลายเป็นสัตว์แปลก ที่นิยมเลี้ยงในชนชั้นสูง รวมถึง Queen Elizabeth 1 มีภาพของหนูแกสบี้ปรากฎอยู่ในงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์National Portrait Gallery ซึ่งวาดขึ้นในปี 1580 ในรูปเป็นหญิงสาวสวมชุดสมัยเอลิซาเบทอุ้มหนูแกสบี้ (Cavy / Guinea pig) และมีน้องชายยืนอยู่ข้างๆ 2 คนที่อุ้มนกอยู่
หนูแกสบี้ เป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่เข้ามาในเมืองไทยเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยในต่างประเทศนั้นแกสบี้ถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามตั้งแต่ปี 1500 คือเมื่อ 500 ปี่ที่ผ่านมา และในเวลาต่อมาเจ้าหนูแกสบี้ก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นสัตว์เลี้ยงแฟนซีที่ได้รับความนิยมมาก และยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
สำหรับชื่อเรียกของแกสบี้ คือ Guinea Pigs ในต่างประเทศก็มักมีชื่อเรียกในแต่ละประเทศ ซึ่งในประเทศไทยชื่อที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ “แกสบี้” หรือ “หนูแกสบี้” ไม่ว่าจะเป็นวงการสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์ และคนทั่วไป ถ้าบอกว่า แกสบี้ ก็จะเป็นที่เข้าใจตรงกัน แต่สำหรับประเทศต่างๆ มีชื่อเรียกที่ต่างกันออกไป ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า “Moru-Motto” ประเทศสวีเดน เรียกว่า “Marsvin” ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า “Costa” เป็นต้น เช่นเดียวกับชื่อว่า “แกสบี้” ในประเทศไทยก็จัดว่าเป็น “Local Name” ที่เข้าใจตรงกันทุกวงการ
No comments:
Post a Comment